นี้คือสถาปัตยกรรมของจังหวัด เบื้องที่คุณเห็นคือ เจดีย์สุวรรณจังโกฏ ที่บรรจุพระอัฐิพระนางจามเทวี

ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรหริภุญไชย



ในตำนานจามเทวีฉบับแปลจากภาษาไทยยวน กล่าวว่า “พระยามหันตยศก็เลิกทราก ส่งสะการแม่แห่งตนเสียยังป่าไม้ยาง แล้วเอากระดูกช้อน
แว่นหวีไปรวมกันก่อเป็นเจดีย์ไว้ชื่อว่า สุวรรณจังโกฏ หนใต้เวียงหริภุญชัยวันนั้นแล…” ส่วนในตำนานมูลศาสนากล่าวว่า ครั้นถวายพระเพลิงเสร็จก็แห่
พระอัฐิเลียบมาหนวันออกเวียง แล้วก่อพระเจดีย์บรรจุพระอัฐิ เครื่องใช้ เครื่องประดับ ของพระนางจามเทวีไว้รองรับพระอัฐิของพระนางจามเทวี ให้ชื่อว่า สุ
วรรณจังโกฏเจดีย์ นอกจากนั้นในตำนานจามเทวีหริภุญชัยเชียงใหม่ก็กล่าวพ้องต้องกันกับตำนานมูลศาสนา แต่บอกว่า สร้างเจดีย์ไว้หนใต้เวียงหริภุญชัย
ภายหลังช้างพระที่นั่งล้มก็เอางาและกระดูกไปบรรจุไว้ใต้อัฐินั้น เจดีย์องค์นี้ชาวบ้านในสมัยนั้นจึงเรียกว่า “เจดีย์จามเทวี” หรือ “เจดีย์กู่กุด”
ต่อมาเจดีย์ได้ร้างไป จนกระทั่งปี พ.ศ.2469 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้เสด็จประพาสภาคเหนือและทรงสำรวจ
โบราณสถานวัดกู่กุดแล้วทรงปรารภว่า พระนางจามเทวีทรงสร้างวัดนี้ขึ้นจึงโปรดให้เปลี่ยนชื่อวัดเสียใหม่ว่า “วัดจามเทวี”




ในสมัยที่เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองลำพูน ได้รับแจ้งจากสำนักพระราชวังว่า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี จะเสด็จประพาสจังหวัดเชียงใหม่ทรงมีพระราชประสงค์จะเสด็จประพาส
จังหวัดลำพูนเพื่อทอดพระเนตรโบราณสถานด้วย เจ้าจักรคำขจรศักดิ์จึงสั่งให้ช่วยกันแผ้วถางบริเวณวัดกู่กุดเป็นเวลาหลายวัน จนโล่งเตียนมองเห็นซาก
โบราณสถานได้ชัดเจนขึ้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จทอดพระเนตรแล้ววัดจามเทวีก็ยัง
เป็นวัดร้างอยู่ตามเดิม เพราะไม่มีพระภิกษุสามเณรจำพรรษา จนกระทั่ง พ.ศ.2479 เจ้าจักรคำขจรศักดิ์จึงได้อาราธนาครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนามา
ช่วยก่อสร้างโบสถ์ วิหาร กุฏิ ตลอดจนบูรณะปฏิสังขรณ์ปูชนียวัตถุ ปูชนียสถานสำคัญ แล้วสถาปนาวัดจามเทวีขึ้นมาใหม่ มีพระภิกษุสามเณรอยู่จำพรรษา
สำเร็จเรียบร้อยโดยได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2480 และประกอบพิธีผูกพัทธสีมาอุโบสถเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2480 มีชื่อเรียกว่า
“วัดจามเทวี” สืบมาจนถึงปัจจุบัน

ภายในวัดจามเทวีมีโบราณสถานที่สำคัญคือ สุวรรณจังโกฏเจดีย์ หรือ กู่จามเทวี หรือกู่กุด ลักษณะเจดีย์รูปทรงสี่เหลี่ยมก่อด้วยศิลาแลงถือปูน
ประดับลวดลายปูนปั้นซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไป 5 ชั้น แต่ละชั้นมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นประทับยืนปางประทานอภัย ชั้นละ 3 องค์ ทั้ง 4 ด้านด้านละ
15 องค์ รวมทั้งสิ้น 60 องค์ และที่มุมทั้งสี่ของเจดีย์แต่ละชั้นมีเจดีย์เหลี่ยมขนาดเล็กประดับประจำทุกมุม ใหญ่เล็กลดหลั่นกันขึ้นไปเป็นเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุดใน
วัด ใกล้ ๆ กันมีเจดีย์เล็กชื่อว่า “รัตนเจดีย์” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “เจดีย์แปดเหลี่ยม” เป็นเจดีย์ขนาดย่อมรูปทรงแปดเหลี่ยมก่ออิฐไม่ถือปูนประดับลวด
ลายปูนปั้น มีพระพุทธรูปประทับยืนปางประทานอภัย ประดิษฐานตามซุ้มเหลี่ยมละองค์ รวม 8 องค์เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นภายหลังเจดีย์สุวรรณจังโกฏ
วัดจามเทวี วัดสำคัญเก่าแก่ของเมืองลำพูน มีประวัติความเป็นมาที่สามารถสืบค้นถึงการสร้างเมืองหริภุญชัยได้ ด้วยความที่วัดนี้มีโบราณ
สถานที่สำคัญจึงทำให้มีผู้คนจากที่ต่าง ๆ เดินทางมาสักการะเจดีย์กู่กุดและรัตนเจดีย์เป็นจำนวนมาก จนทำให้วัดจามเทวีกลายเป็นวัดสำคัญและมีนัก
ท่องเที่ยวนิยมเดินทางมากราบไหว้เจดีย์กู่กุดไม่แพ้วัดอื่นๆ ของจังหวัดลำพูน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้